มีหลายครั้งที่เราเดินผ่านคนๆ หนึ่ง หรือบางครั้งได้กลิ่นน้ำหอมจากเพื่อนแล้วรู้สึกชอบในกลิ่นนั้นจนต้องไปถามเพื่อหาซื้อมาใช้ แต่พอลองเอามาใช้เองแล้วกลับรู้สึกว่ากลิ่นน้ำหอมเปลี่ยนไป ไม่เหมือนที่เราได้กลิ่นจากเพื่อนหรือจากเคาน์เตอร์น้ำหอมตอนซื้อเลย ทำไมน้ำหอมขวดเดียวกัน กลิ่นเดียวกัน แต่พอลองใช้แล้วกลับได้กลิ่นที่แตกต่างกันออกไป เรามีเหตุผลง่ายๆ อยู่ 2 ข้อมาอธิบายให้ฟัง
เหตุผลที่ 1 คือ ระดับความหอม
น้ำหอมแต่ละขวดเมื่อทำการฉีดแล้วจะเกิดปฏิกิริยา และการเปลี่ยนแปลง เมื่อเวลาผ่านไปกลิ่นจะเปลี่ยนไปตามระดับ เรียกว่า “Note” ซึ่งมีทั้งหมด 3 ระดับด้วยกัน
ระดับที่ 1 Top Notes เป็นกลิ่นแรกของน้ำหอมที่เราฉีดออกมา กลิ่นมีความเข้มข้นสูง และจะหอมอยู่นานในช่วง 10-15 นาทีแรก
ระดับที่ 2 Middle Notes เริ่มระเหยส่งกลิ่นหอมออกมา จะอยู่นาน 2-3 ชั่วโมง
ระดับที่ 3 Base Notes เป็นกลิ่นที่ติดนานคงทน 4-6 ชั่วโมง และเป็นกลิ่นเรียบๆ ไม่ฉุน ไม่หวือหวาเหมือนกับระดับแรก แต่เป็นกลิ่นน้ำหอมที่สำคัญที่จะทำให้น้ำหอมบนตัวแต่ละคนมีกลิ่นที่ไม่เหมือนกัน
เหตุผลที่ 2 คือ Body Chemistry
สาเหตุที่มีผลกับกลิ่นน้ำหอมมากที่สุด คือกลิ่นตัวของผู้ใช้น้ำหอม โดยกลิ่นตัวของแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่ง Body Chemistry นี่เองที่จะไปทำปฏิกิริยา หรือผสมผสานเข้ากับกลิ่นหอมในระดับที่ 3 ของน้ำหอม (Base Notes) กลายเป็นกลิ่นหอมที่มีความอ่อนไหวเมื่อผสมเข้ากับกลิ่นธรรมชาติของร่างกายแต่ละคน และกลายเป็นกลิ่นที่แปลกใหม่เฉพาะตัวออกมา
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าเราซื้อผิดกลิ่น หรือเผลอไปซื้อของปลอมมาหรือเปล่า เพราะเจ้า Body Chemistry นี่แหละที่เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ไม่ว่าเราจะซื้อน้ำหอมกลิ่นเดียวกันกับเพื่อนมาฉีดเท่าไรก็จะได้กลิ่นหอมที่ออกมาไม่เหมือนกันอยู่ดี